ทะเลหมอก เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่อุณหภูมิของอากาศลดต่ำลงมาก จนต่ำกว่าจุดของน้ำค้าง เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงทำให้ไอน้ำในอากาศเกิดการกลั่นตัวเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ อยู่ในจุดที่อากาศในโลกสามารถพยุงตัวไอน้ำเหล่านี้ให้ลอยอยู่ได้ และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นละอองน้ำก็จะกลายเป็นไอน้ำตกสู่ผิวโลก ด้วยเหตุนี้เองทำให้เราสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้ในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะช่วงเวลาเช้าและมักจะเจอได้ตามหุบเขา ซึ่งส่วนมากแล้วก็จะเป็นทางเหนือของประเทศไทย
แต่ ทะเลหมอก กับทะเลทั่ว ๆ ไปไม่เหมือนกันนะจ๊ะ ใครอย่าทะลึ่งไปชมทะเลหมอกแล้วเกิดอยากเล่นขึ้นมา แก้ผ้ากระโดดลงไป … โบกมือบ๊ายบายกันเลยเด้อ วันนี้เราจะมาแนะนำ 10 สถานที่ชมทะเลหมอกในช่วงหน้าหนาวนี้กัน เหมาะสำหรับคนขยันตื่นเช้า ๆ หน่อยนะ เพราะช่วงนั้นอากาศกำลังหนาวและมีอากาศชื้นจะเห็นทะเลหมอกหนาตามาก และสำหรับใครที่ต้องการที่พักเพื่อได้สัมผัสกับทะเลหมอกแบบใกล้ชิด ก็อย่าลืมเลือกหาที่พักกับเราก่อนเดินทางกัน เรามีการเปรียบเทียบราคาที่พักจากแต่ละที่ให้เห็นกันชัด ๆ ก่อนทำการจอง เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีให้บริการจองตั๋วเครื่องบินจากแทบจะทุกสายการบินทั่วโลก มาให้เปรียบเทียบก่อนทำการซื้อเหมือนกัน
1. ภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย
เมื่อพูดถึงทะเลหมอกแล้วต้องมีชื่อของ “ภูชี้ฟ้า” ติดอันดับอยู่ร่ำไป บรรยากาศและธรรมชาติที่นี่เรียกว่าชนะเลิศ เพราะบางทีมอง ๆ ไปแล้วก็ราวกับภาพวาดจากจินตนาการของศิลปินระดับเทพคนใดสักคน ภูชี้ฟ้า นั้นเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาดอยผาหม่น ที่อยู่ติดกันระหว่างชายแดนของประเทศไทย และ ประเทศลาว ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวยแห่งชาติ เขตอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
ภูชี้ฟ้า จะมีชะง่อนหินที่รังสรรค์โดยธรรมชาติมีลักษณะเป็นหน้าผาที่ปลายยอดจะแหลมเป็นแนวยาว ชี้ไปบนฟ้าฝั่งประเทศลาว จึงทำให้เป็นที่มาของคำว่า “ภูชี้ฟ้า” นั่นเอง มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางอยู่ที่ 1,200 – 1,600 เมตร นั่นทำให้เราสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ราวกับอยู่บนสวรรค์ เมื่อกระทบกับแสงแดดของพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ก็จะเห็นองค์ประกอบของธรรมชาติชัดเจนกว่าเดิม
พิกัด : 19.851241, 100.453717
2. ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
การขึ้นมาท่องเที่ยวและชมทะเลหมอกที่ “ดอยหลวงเชียงดาว” อาจจะไม่เหมาะนักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่ขาลุย เพราะเส้นทางการเดินทางก็ไม่ได้ง่ายซะทีเดียว ดอยหลวงเชียงดาว มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย การที่จะขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์บนดอยหลวงเชียงดาวจำเป็นต้องเดินขึ้นไปอาจจะทำให้เหนื่อยหอบได้
ในอดีตดอยหลวงเชียวดาวนั้นมีชื่อว่า “ดอยอ่างสลุง” ชาวเชียงใหม่มีความเชื่อตามตำนานโบราณว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสร็จมาพร้อมกับพระอรหันต์ทั้งสิ้น 8 องค์ และได้ลงสรงน้ำ (อาบน้ำ) ที่บริเวณสลุงทองคำหรือบริเวณอ่างสลุงนั่นแหละ จึงได้เรียกว่า “ดอยอ่างสลุง” ส่วนคำว่าดอยหลวงเชียงดาวนั้นเพี้ยนเพราะดอยที่มีขนาดใหญ่ทำให้ชาวบ้านเรียกว่า “ดอยหลวง” (“หลวง” แปลว่า “ใหญ่”) และก็มีการเรียกเพี้ยนกันมาเรื่อย ๆ เป็น “ดอยหลวงเพียงดาว” ก็มี จนเป็นที่รู้จักกันว่า “ดอยหลวงเชียงดาว” หรือ “ดอยเชียงดาว” แบบทุกวันนี้
ช่วงเวลาท่องเที่ยว : ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวเปิดให้ท่องเที่ยวได้เป็นเวลา 5 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ถึง 31 มี.ค. ของทุกปี
พิกัด : 19.384831, 98.841126
3. กิ่วแม่ปาน อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่
กิ่วแม่ปาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง เมื่อได้มาที่นี่แล้วนอกจากจะได้ชื่นชมความสวยงามของทะเลหมอกในยามเช้า ยังจะได้ท่องเที่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่บน ดอยอินทนนท์ ที่มีให้แวะเที่ยวกันตลอดเส้นทางไม่ว่าจะเป็นน้ำตก เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ
ส่วนของตัวกิ่วแม่ปานเองก็เป็นสถานที่ที่สามารถเดินป่าศึกษาธรรมชาติได้เช่นกัน มีความกว้างเป็นวงรอบระยะทางสั้น ๆ ประมาณ 3 กิโลเมตรในที่นี่จะเป็นป่าดิบเขาซึ่งบรรยากาศจะร่มครึ้ม ชื้น ๆ นิดหน่อย จะเห็นแสงแดดส่องลงมาเพียงรำไร บริเวณพื้นป่าจะเต็มไปด้วยเฟิร์นหลากหลายชนิด มีมอสขึ้นคลุมตามโคนต้นไม้มองไปทางไหนก็เห็นเป็นสีเขียวเกือบทั้งหมด นอกจากทะเลหมอกและธรรมชาติสีเขียวสบายตาแล้ว ยังมีจุดเด่นอีกอย่างที่นี่ คือ “ต้นกุหลาบพันปี” มีสีแดงสดใสเป็นอย่างมาก แต่จะออกดอกให้ได้ชื่นชมกันเฉพาะช่วงฤดูหนาว ใครที่โชคดีหน่อยก็อาจจะได้เจอกับกวางผาซึ่งเป็นสัตว์สงวนของบ้านเราแถมใกล้สูญพันธุ์
พิกัด : 18.556540, 98.480983
4. ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
อ่างขาง เป็นชื่อดอยที่พูดชื่อขึ้นมาแล้วใคร ๆ ต่างต้องรู้จัก แต่ละปีจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่น้อยที่ขึ้นมาสัมผัสถึงธรรมชาติและบรรยากาศที่สวยงาม จนได้รับคำขนานนามว่า อ่างขางดินแดนมหัศจรรย์ อากาศของดอยอ่างขางจะเย็นสบายตลอดทั้งปี เป็นบรรยากาศที่เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง ที่ดอยอ่างขางจะมีสถานีวิจัยเกษตรที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี สูงจากระดับน้ำทะเล 1,928 เมตร มีโลเคชั่นให้ถ่ายรูปเพียบ ใครมาแล้วก็เตรียมแบตให้พร้อมเดี๋ยวจะเสียใจทีหลังจะหาว่าไม่เตือน
พิกัด : 19.901179, 99.039645
5. ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์
ภูทับเบิก ตั้งอยู่ที่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เช่นเดียวกันกับ เขาค้อ ซึ่งภูทับเบิกนี้ ก็น่าท่องเที่ยวไม่แพ้กับที่เขาค้อเลย ถ้าจะเปรียบเขาค้อเป็นในชุมชนในเมืองภูทับเบิก ก็จะประมาณต่างจังหวัดหรือชานเมืองดี ๆ นี่เอง เพราะความเจริญหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เขาค้อจะดีกว่า แต่ถ้าเปรียบเทียบเรื่องบรรยากาศแล้ว ภูทับเบิกก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน ยิ่งไปในช่วงที่ชาวเขาปลูกกะหล่ำปลีกันจนเต็มภูเขาแล้ว ไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจเท่านี้อีกแล้ว เพราะท่านจะเห็นภูเขาทั้งลูก เต็มไปด้วยกะหล่ำปลี แล้วยิ่งไปช่วงหน้าฝน หรือหน้าหนาวด้วยแล้ว ท่านจะได้สัมผัสกับทะเลหมอก แบบสุดลูกหูลูกตากันเลยทีเดียว
พิกัด : 16.897081, 101.105887
6. ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่
ทะเลหมอกสุดอลังการเป็นจุดเด่นของ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ที่นักท่องเที่ยวหลายคนนั้นให้ความสนใจและต้องการที่จะได้สัมผัสความหนาวเย็นและได้รับชมทะเลหมอกที่อยู่เบื้องหน้าสักครั้งในชีวิต จะเป็นอย่างไรถ้าคุณนั้นยืนในจุดที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกที่แสนจะกว้างไกลราวกับคุณนั้นได้ยินอยู่บนก้องเมฆบนท้องฟ้าแล้วทอดสายตาลงมาเบื้องล่าง ภาพตรงหน้านั้นคุณอาจจะคิดว่ามันเป็นภาพวาดภาพหนึ่งที่ถูกสร้างสรรค์มาจากฝีมือของจิตรกรชื่อดัง แต่ความจริงแล้วมันคือความงามของธรรมชาติที่แท้จริงที่ผู้สร้างสรรค์นั้นคือธรรมชาติไม่ใช่จิตรกรอย่างที่คิด ถึงแม้ว่าภาพวาดใดจะสามารถวาดได้เหมือนธรรมชาติที่แท้จริงมากแค่ไหนก็ไม่เท่าประสบการณ์ความสวยงามจริงที่คุณนั้นได้มาสัมผัสอย่างแน่นอน
พิกัด : 19.304089, 98.599729
7. ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน
จุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดน่านรายล้อมไปด้วยขุนเขา มีจุดให้ชมทั้งทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกอากาศเย็นสบายรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ เปิดให้เข้าชมได้ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงฤดูหนาวผู้คนก็หนาตา สำหรับคนที่ชอบความสดชื่นเย็นสบายไปเที่ยวฤดูฝนก็ยังโอเค ที่สำคัญยังมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก ๆ ทั้งลานดูดาว หรือเนินเขาที่ตัดกับขอบฟ้าถูกใจสายช่างภาพแน่นอน
พิกัด : 18.376351, 100.827827
8. ดอยแม่ระเมิง จังหวัดตาก
จุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดอยู่ที่ม่อนกิ่วลม สามารถมองเห็นวิวได้ 180 องศา ไม่จุดชมวิวแต่ทั้งดอยแม่ระเมิงเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยงเชิงธรรมชาติอีกหลายจุด ทั้งน้ำตกชาวดอยที่ให้แวะเล่นก่อนที่จะไปสัมผัสบรรยากาศและความสวยงามของทะเลหมอกบนกิ่วแม่ลม
พิกัด : 17.536898, 98.080663
9. ดอยผาชู้ จังหวัดน่าน
ยังอยู่กันที่จังหวัดน่านเพราะความเป็นเมืองแห่งขุนเขาไม่แปลกที่จะมีจุดให้ชมทะเลหมอกได้อย่างหลากหลาย ดอยผาชู้ตั้งอยู่บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน บนดอยมีพื้นที่สำหรับกางเต๊นท์และบ้านพักให้บริการ ทำให้คุณสามารถตื่นมาดูวิวทะเลหมอกยามเช้า ดื่มด่ำกับการมองเพราะอาทิตย์ขึ้น สัมผัสกับอากาศหนาวบนยอดดอย ใครที่ไปกับแฟนต้องฟินกันสุด ๆ
พิกัด : 18.368256, 100.840670
10. เนินช้างศึก จังหวัดกาญจนบุรี
ตั้งอยู่บนพื้นที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นจุดชมทะเลหมอกที่งดงามอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยเป็นจุดที่สามารถมองเห็นทิวเขาในฝั่งประเทศพม่า บรรยากาศเย็นสบาย อีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่คือวันไหนที่ฟ้าเปิดจะสามารถมองเห็นทะเลอันดามันฝั่งพม่าได้อีกด้วยเรียกได้ว่าเห็นได้ทั้งทะเลและภูเขาในที่เดียวเลย
พิกัด : 14.672845, 98.368769
และที่ก็คือทะเลหมอกที่อยากแนะนำให้ทุก ๆ คน บางที่ก็เดินทางไปได้อย่างง่าย ๆ บางที่อาจจะต้องสมบุกสมบันนิดหน่อย เลือกได้กันแล้วแต่ความชอบของนักท่องเที่ยวแต่ละท่านกันได้เลยครับ
ต้นฉบับบทความจาก : traveloka