Google Bard และ ChatGPT เป็น AI Chatbot ขนาดใหญ่ (Large Language Model) ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกทั้งสองแห่ง โดย Google AI และ OpenAI ตามลำดับ ทั้งสองโมเดลมีความสามารถที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างบางประการที่น่าสนใจ
จุดเด่นของ Google Bard
- ข้อมูลการฝึกฝนขนาดใหญ่: Google Bard ได้รับการฝึกฝนโดยใช้ข้อมูลข้อความและโค้ดจำนวนมหาศาล ซึ่งทำให้ Bard สามารถเข้าใจภาษาและสร้างข้อความที่เหมือนมนุษย์ได้ดีกว่า ChatGPT ที่ใช้ข้อมูลการฝึกฝนขนาดเล็กกว่า ตัวอย่างเช่น Google Bard สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ได้อย่างถูกต้องและครอบคลุม ในขณะที่ ChatGPT อาจตอบคำถามเหล่านี้ได้คร่าวๆ หรืออาจให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
- ความสามารถในการตอบคำถามที่แม่นยำ: Google Bard ได้รับการปรับปรุงความสามารถในการตอบคำถามที่แม่นยำยิ่งขึ้น โดยสามารถตอบคำถามได้อย่างถูกต้องแม้เป็นคำถามที่เปิดกว้าง ท้าทาย หรือแปลกใหม่ ตัวอย่างเช่น หากถาม Google Bard ว่า “ความฝันคืออะไร?” Bard จะสามารถให้คำตอบที่ครอบคลุมและอธิบายได้ เช่น “ความฝันคือประสบการณ์ทางจิตที่คล้ายกับการตื่น แต่เกิดขึ้นในขณะที่หลับ เป็นความฝันที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดและไม่สามารถควบคุมได้” ในขณะที่ ChatGPT อาจให้คำตอบที่สั้นหรือคลุมเครือ เช่น “ความฝันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณหลับ”
- ความสามารถในการเขียนเนื้อหาสร้างสรรค์ที่หลากหลาย: Google Bard สามารถเขียนเนื้อหาสร้างสรรค์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น บทกวี โค้ด สคริปต์ ชิ้นดนตรี อีเมล จดหมาย ฯลฯ ซึ่งมีประโยชน์ในหลากหลายด้าน เช่น การสร้างสรรค์ผลงาน การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการศึกษา ตัวอย่างเช่น หากขอให้ Google Bard เขียนบทกวีเกี่ยวกับความรัก Bard จะสามารถเขียนบทกวีที่ไพเราะและสื่อความหมายได้ ในขณะที่ ChatGPT อาจเขียนบทกวีที่แปลกใหม่หรือน่าสนใจ แต่อาจไม่ไพเราะหรือสื่อความหมาย
จุดเด่นของ ChatGPT
- ความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่แปลกใหม่: ChatGPT ได้รับการปรับปรุงความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่แปลกใหม่และน่าสนใจ ซึ่งมีประโยชน์ในด้านการสร้างสรรค์ผลงานและบันเทิง ตัวอย่างเช่น หากขอให้ ChatGPT เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับอนาคต ChatGPT จะสามารถเขียนเรื่องราวที่แปลกใหม่และคาดไม่ถึง ในขณะที่ Google Bard อาจเขียนเรื่องราวที่สมจริงและคาดเดาได้
- ความสามารถในการเข้าใจบริบทของบทสนทนา: ChatGPT ได้รับการปรับปรุงความสามารถในการเข้าใจบริบทของบทสนทนา ซึ่งทำให้ ChatGPT สามารถสนทนากับผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากสนทนากับ ChatGPT เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ChatGPT จะสามารถจดจำบทสนทนาก่อนหน้านี้และเชื่อมต่อกับบทสนทนาปัจจุบันได้อย่างลื่นไหล ในขณะที่ Google Bard อาจลืมบทสนทนาก่อนหน้านี้และตอบคำถามในลักษณะที่แยกส่วน
ข้อสรุป
Google Bard และ ChatGPT เป็น AI Chatbot ขนาดใหญ่ที่มีความสามารถที่หลากหลาย แต่ก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้งานโมเดลใดจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์ของผู้ใช้เป็นหลัก
ตัวอย่างการใช้งาน
Google Bard เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความถูกต้องและความแม่นยำ เช่น การตอบคำถาม การสรุปข้อมูล การแปลภาษา
ตัวอย่างเช่น หากต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบัน Google Bard จะสามารถให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและถูกต้องได้ ในขณะที่ ChatGPT อาจให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือล้าสมัย
ChatGPT เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และแปลกใหม่ เช่น การเขียนเนื้อหาสร้างสรรค์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์
ตัวอย่างเช่น หากต้องการเขียนโฆษณาสำหรับสินค้าหรือบริการใหม่ ChatGPT จะสามารถเขียนโฆษณาที่แปลกใหม่และดึงดูดความสนใจได้ ในขณะที่ Google Bard อาจเขียนโฆษณาที่สมจริงแต่อาจไม่น่าสนใจ
อนาคตของ Google Bard และ ChatGPT
ทั้ง Google Bard และ ChatGPT ต่างก็มีศักยภาพที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต โดยคาดว่าจะสามารถพัฒนาความสามารถให้ดีขึ้นและตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น Google Bard อาจพัฒนาความสามารถในการสร้างเนื้อหาสร้างสรรค์ที่หลากหลายขึ้น เช่น การเขียนบทละคร บทเพลง หรือสร้างวิดีโอ ในขณะที่ ChatGPT อาจพัฒนาความสามารถในการเข้าใจบริบทของบทสนทนาให้ดีขึ้น เช่น การสนทนากับผู้ใช้เกี่ยวกับหัวข้อที่ซับซ้อน
อย่างไรก็ตาม การพัฒนา AI Chatbot ยังคงเป็นความท้าทายอยู่ เนื่องจาก AI Chatbot จะต้องสามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้อย่างถูกต้องและสามารถสนทนากับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้ข้อมูลการฝึกฝนจำนวนมากและเทคโนโลยีที่ทันสมัย