อะมิทริปทีลีน (Amitriptyline) เป็นยาต้านซึมเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก (Tricyclic Antidepressant) ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการดูดกลับของสารสื่อประสาท 5-HT (Serotonin) และ noradrenaline (Norepinephrine) ในสมอง ทำให้สารสื่อประสาททั้งสองชนิดมีปริมาณสูงขึ้นในสมอง ส่งผลให้อาการซึมเศร้าดีขึ้น
นอกจากนี้ อะมิทริปทีลีนยังมีฤทธิ์อื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น
- ฤทธิ์ต้านอาการปวด ใช้ในการรักษาอาการปวดประสาทเรื้อรัง เช่น ปวดศีรษะไมเกรน ปวดหลัง ปวดเส้นประสาท
- ฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ใช้ในการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ อาการกล้ามเนื้อเกร็ง
- ฤทธิ์ต้านอาการคลื่นไส้อาเจียน ใช้ในการรักษาอาการคลื่นไส้อาเจียนจากสาเหตุต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง การผ่าตัด
- ฤทธิ์ช่วยให้นอนหลับ ใช้ในการรักษาอาการนอนไม่หลับ
ข้อบ่งใช้ของอะมิทริปทีลีน
- รักษาอาการซึมเศร้า
- รักษาอาการปวดประสาทเรื้อรัง เช่น ปวดศีรษะไมเกรน ปวดหลัง ปวดเส้นประสาท
- รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ อาการกล้ามเนื้อเกร็ง
- รักษาอาการคลื่นไส้อาเจียนจากสาเหตุต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง การผ่าตัด
- รักษาอาการนอนไม่หลับ
วิธีใช้และขนาดรับประทาน
อะมิทริปทีลีน รับประทานวันละ 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค โดยทั่วไป จะเริ่มรับประทานครั้งละ 10-25 มิลลิกรัม ในตอนเย็น และอาจค่อยๆ เพิ่มขนาดรับประทานขึ้นทีละ 10-25 มิลลิกรัม ทุก 3-7 วัน จนกว่าอาการจะดีขึ้น หรือพบผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ผลข้างเคียงของอะมิทริปทีลีน
อะมิทริปทีลีนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้หลายอย่าง ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่
- ปากแห้ง คอแห้ง
- ง่วงนอน
- เวียนศีรษะ
- ปัสสาวะลำบาก
- ท้องผูก
- น้ำหนักขึ้น
- ตาพร่ามัว
- อ่อนเพลีย
- หงุดหงิด
- ประสาทหลอน
ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย ได้แก่
- คลื่นไส้ อาเจียน
- หัวใจเต้นเร็ว
- ความดันโลหิตสูง
- ชัก
- ซึมเศร้ามากขึ้น
- ฆ่าตัวตาย
ข้อควรระวังการใช้อะมิทริปทีลีน
- ห้ามใช้อะมิทริปทีลีนหากแพ้อะมิทริปทีลีน หรือยาในกลุ่มไตรไซคลิกอื่นๆ
- ระวังการใช้อะมิทริปทีลีนในผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคไต โรคลมชัก โรคจิตเภท
- ระวังการใช้อะมิทริปทีลีนในผู้ป่วยที่รับประทานยาอื่นๆ ร่วมกับยานี้ โดยเฉพาะยากลุ่ม MAO inhibitor
- ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ยกเว้นมีความจำเป็นและได้รับคำแนะนำจากแพทย์
การเก็บรักษาอะมิทริปทีลีน
เก็บอะมิทริปทีลีนให้พ้นมือเด็ก เก็บในที่แห้งและเย็น อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส
หากมีอาการข้างเคียงที่รุนแรงหรือเป็นอันตราย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที