ทฤษฎีความทรงจำ เป็นทฤษฎีที่อธิบายเกี่ยวกับกระบวนการสร้าง เก็บรักษา และเรียกคืนความทรงจำของมนุษย์ การศึกษาเกี่ยวกับความทรงจำเป็นสาขาหนึ่งของจิตวิทยาที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากความทรงจำเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และพฤติกรรมต่างๆ ของมนุษย์
ประเภทของทฤษฎีความทรงจำ
- ทฤษฎีจำลองหน่วยความจำ (memory model theory) เชื่อว่าความทรงจำประกอบด้วยหน่วยความจำย่อยๆ หลายหน่วย ซึ่งทำหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลที่แตกต่างกัน เช่น หน่วยความจำระยะสั้น (short-term memory) เก็บรักษาข้อมูลได้ชั่วคราว หน่วยความจำระยะยาว (long-term memory) เก็บรักษาข้อมูลได้ถาวร
- ทฤษฎีจำลองกระบวนการ (process model theory) เชื่อว่าความทรงจำเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกัน ประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ได้แก่ การเข้ารหัส (encoding) การเก็บรักษา (storage) และการเรียกคืน (retrieval)
ทฤษฎีจำลองหน่วยความจำ
หน่วยความจำระยะสั้น (short-term memory) เป็นหน่วยความจำที่เก็บรักษาข้อมูลได้ชั่วคราว มีอายุประมาณ 15-30 วินาที หน่วยความจำระยะสั้นทำหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลที่กำลังถูกประมวลผล เช่น ข้อมูลที่กำลังอ่าน ข้อมูลที่กำลังฟัง เป็นต้น
หน่วยความจำระยะยาว (long-term memory) เป็นหน่วยความจำที่เก็บรักษาข้อมูลได้ถาวร แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยๆ คือ
- หน่วยความจำสำนึกได้ (explicit memory) เป็นหน่วยความจำที่เราสามารถรับรู้และเรียกคืนได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยๆ คือ
- ความทรงจำเชิงเหตุการณ์ (episodic memory) เก็บรักษาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต เช่น เหตุการณ์สำคัญในชีวิต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เป็นต้น
- ความทรงจำเชิงความหมาย (semantic memory) เก็บรักษาข้อมูลเกี่ยวกับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโลก เช่น ความรู้เกี่ยวกับภาษา ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
- หน่วยความจำไม่รู้ตัว (implicit memory) เป็นหน่วยความจำที่ไม่สามารถรับรู้และเรียกคืนได้อย่างชัดเจน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยๆ คือ
- ความทรงจำแบบทักษะ (procedural memory) เก็บรักษาข้อมูลเกี่ยวกับทักษะต่างๆ เช่น ทักษะการขับขี่ การเดิน เป็นต้น
- ความทรงจำแบบผลกระทบ (priming memory) เก็บรักษาข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมในปัจจุบัน เช่น การได้ยินเสียงเพลงที่เราเคยชอบ ทำให้รู้สึกมีความสุข เป็นต้น
ทฤษฎีจำลองกระบวนการ
ทฤษฎีจำลองกระบวนการเชื่อว่าความทรงจำเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกัน ประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ได้แก่
- การเข้ารหัส (encoding) เป็นกระบวนการแปลงข้อมูลที่ได้รับจากประสาทสัมผัสต่างๆ ให้เป็นรูปแบบที่สามารถเก็บรักษาไว้ในสมองได้ การเข้ารหัสอาจเกิดขึ้นได้หลายวิธี เช่น การได้ยิน การมองเห็น การสัมผัส การดมกลิ่น เป็นต้น
- การเก็บรักษา (storage) เป็นกระบวนการเก็บรักษาข้อมูลไว้ในสมอง การเก็บรักษาอาจเกิดขึ้นได้หลายวิธี เช่น การจัดเก็บข้อมูลเป็นกลุ่มๆ การจัดเก็บข้อมูลตามความสัมพันธ์ เป็นต้น
- การเรียกคืน (retrieval) เป็นกระบวนการนำข้อมูลออกมาจากสมอง กระบวนการเรียกคืนอาจเกิดขึ้นได้หลายวิธี เช่น การนึกย้อนกลับไป การจินตนาการ เป็นต้น
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความทรงจำ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความทรงจำมีมากมาย ดังนี้
- ความสนใจ ข้อมูลที่เราสนใจจะจดจำได้ง่ายกว่าข้อมูลที่เราไม่สนใจ
- ความถี่ในการสัมผัส ข้อมูลที่เราสัมผัสบ่อยๆ จะจดจำได้ง่ายกว่าข้อมูลที่เราสัมผัสน้อยครั้ง
- ความเกี่ยวข้อง ข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกันจะจดจำได้ง่ายกว่าข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
- อารมณ์ ข้อมูลที่เกิดขึ้นในช่วงที่เรามีอารมณ์รุนแรงจะจดจำได้ง่ายกว่าข้อมูลที่เกิดขึ้นในช่วงที่เรามีอารมณ์ปกติ
- ความตื่นตัว ข้อมูลที่เรารับรู้ในช่วงที่เราตื่นตัวจะจดจำได้ง่ายกว่าข้อมูลที่เรารับรู้ในช่วงที่เราง่วงนอน
- สุขภาพ สุขภาพที่ดีจะช่วยให้ความจำดี
ข้อจำกัดของความทรงจำ
ความทรงจำเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและอาจเกิดความผิดพลาดได้ ตัวอย่างเช่น
- ความทรงจำอาจบิดเบือนได้ ข้อมูลที่เราจดจำอาจไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น เราอาจจำเหตุการณ์บางอย่างผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
- ความทรงจำอาจลืมได้ ข้อมูลที่เราจดจำอาจหายไปเมื่อเวลาผ่านไป
- ความทรงจำอาจถูกลบได้ ข้อมูลที่เราจดจำอาจถูกลบออกไปจากสมอง เช่น ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมอาจสูญเสียความทรงจำบางส่วนหรือทั้งหมด
ความสำคัญของความทรงจำ
ความทรงจำเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และพฤติกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ความทรงจำที่ดีจะช่วยให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ และตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม