การลงทุนเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ทั้งความรู้ ทักษะ และที่สำคัญคือวิธีคิดที่ถูกต้อง นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักมีวิธีคิดที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งสามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการลงทุนได้
วิธีคิดแบบนักลงทุน ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก
- การมีเป้าหมายที่ชัดเจน นักลงทุนควรมีเป้าหมายในการลงทุนที่ชัดเจน เช่น ต้องการสร้างรายได้เป็นบำเหน็จบำนาญ ต้องการมีเงินไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ หรือต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับครอบครัว เป็นต้น การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้นักลงทุนสามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมได้
- การศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ตนสนใจอย่างรอบคอบ ทั้งข้อมูลพื้นฐานของสินทรัพย์นั้น ๆ เช่น ผลประกอบการ ฐานะการเงิน ผู้บริหาร เป็นต้น และข้อมูลเชิงเทคนิค เช่น แนวโน้มราคา ปริมาณการซื้อขาย เป็นต้น การศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบจะช่วยให้นักลงทุนมีความเข้าใจในสินทรัพย์ที่ตนลงทุน และสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างถูกต้อง
- มีวินัยในการลงทุน นักลงทุนควรมีวินัยในการลงทุน โดยปฏิบัติตามกลยุทธ์การลงทุนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์หรือข่าวลือ การมีวินัยในการลงทุนจะช่วยให้นักลงทุนสามารถรักษาผลตอบแทนในระยะยาวได้
ตัวอย่างวิธีคิดแบบนักลงทุน
- นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) มุ่งเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มูลค่าแท้จริง (intrinsic value) ต่ำกว่าราคาตลาด (market price) นักลงทุนกลุ่มนี้มักใช้การวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน (fundamental analysis) ในการประเมินมูลค่าของสินทรัพย์
- นักลงทุนแบบเน้นการเติบโต (Growth Investor) มุ่งเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเติบโตของรายได้และกำไรสูง นักลงทุนกลุ่มนี้มักใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิค (technical analysis) ในการประเมินแนวโน้มราคาของสินทรัพย์
- นักลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง (Diversified Investor) กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยง นักลงทุนกลุ่มนี้มักใช้การบริหารพอร์ตการลงทุน (portfolio management) ในการบริหารความเสี่ยง
สรุป
การเรียนรู้วิธีคิดแบบนักลงทุนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนมือใหม่และมืออาชีพทุกคน เพราะจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างถูกต้องและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการลงทุนได้