ความยากจนเป็นปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมากในประเทศไทย ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่าในปี 2566 ประเทศไทยมีประชากรยากจนอยู่ประมาณ 4.7 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 5.1 ของประชากรทั้งหมด
ความยากจนสามารถวัดได้จากดัชนีความยากจนหลายมิติ (Multidimensional Poverty Index: MPI) โดย MPI พิจารณาจาก 5 มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านความเป็นอยู่ ด้านการศึกษา ด้านรายได้ และด้านการเข้าถึงบริการรัฐ โดยที่คนจน 1 คน มีปัญหาได้มากกว่า 1 ด้าน
จากข้อมูลของ สศช. พบว่า 10 จังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศไทยในปี 2566 ได้แก่
- แม่ฮ่องสอน
- ยโสธร
- หนองบัวลำภู
- นราธิวาส
- มุกดาหาร
- สกลนคร
- อำนาจเจริญ
- บุรีรัมย์
- บึงกาฬ
จังหวัดเหล่านี้ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของประเทศ สาเหตุของความยากจนในจังหวัดเหล่านี้ ได้แก่
- ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้
- ปัญหาการเข้าถึงการศึกษาและสาธารณสุข
- ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ
- ปัญหาภัยธรรมชาติ
ความยากจนส่งผลกระทบต่อผู้คนในทุกด้านของชีวิต ผู้คนที่อยู่ในภาวะยากจนมักขาดแคลนอาหาร น้ำสะอาด ที่อยู่อาศัย และการศึกษาที่ดี พวกเขามีความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บและความรุนแรง พวกเขาไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองและมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพ
การแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นภารกิจที่ท้าทาย แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย แนวทางในการแก้ไขปัญหาความยากจน ได้แก่
- การลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้
- การส่งเสริมการศึกษาและสาธารณสุข
- การพัฒนาทักษะแรงงาน
- การลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
- ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม มีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความยากจน
แนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับจังหวัด
แนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับจังหวัด ได้แก่
- การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในพื้นที่ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชน
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา การสื่อสาร อินเทอร์เน็ต ให้มีความสะดวกและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- การส่งเสริมการศึกษาและสาธารณสุข โดยจัดให้มีโรงเรียนและโรงพยาบาลที่มีคุณภาพ เข้าถึงได้ง่ายและทั่วถึง
- การส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคม โดยส่งเสริมสิทธิและโอกาสให้กับประชาชนทุกกลุ่ม
แนวทางเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาและศักยภาพของแต่ละจังหวัด