จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า จังหวัดที่มีคนจนมากที่สุดในประเทศไทยในปี 2566 ได้แก่
- ปัตตานี
- นราธิวาส
- ยะลา
- สุราษฎร์ธานี
- มหาสารคาม
จังหวัดปัตตานี
มีอัตราส่วนคนจนต่อประชากรสูงที่สุด ร้อยละ 29.72 สาเหตุหลักมาจากการที่จังหวัดปัตตานีเป็นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีรายได้จากภาคการเกษตรและภาคบริการเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
จังหวัดนราธิวาส
อยู่ในอันดับ 2 เนื่องจากเป็นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีรายได้จากภาคการเกษตรและภาคบริการเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
จังหวัดยะลา
อยู่ในอันดับ 3 เนื่องจากเป็นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีรายได้จากภาคการเกษตรและภาคบริการเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
อยู่ในอันดับ 4 เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ มีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีรายได้จากภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
จังหวัดมหาสารคาม
อยู่ในอันดับ 5 เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ มีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีรายได้จากภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ ยังมีจังหวัดอื่นๆ ที่มีอัตราส่วนคนจนสูง ได้แก่
- จังหวัดร้อยเอ็ด
- จังหวัดศรีสะเกษ
- จังหวัดอุบลราชธานี
- จังหวัดอำนาจเจริญ
- จังหวัดบึงกาฬ
โดยจังหวัดเหล่านี้ล้วนเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และปัญหาภัยแล้ง
แนวโน้มอัตราส่วนคนจนในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการลดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ อย่างไรก็ตาม ยังมีจังหวัดบางจังหวัดที่มีอัตราส่วนคนจนสูง โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดที่มีรายได้จากภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก