ดวงดาวเป็นวัตถุท้องฟ้าที่มีขนาดใหญ่และสว่างมาก ดวงดาวส่วนใหญ่ที่เรามองเห็นได้จากโลกนั้นเป็นดาวฤกษ์ ซึ่งเป็นวัตถุที่เกิดจากการรวมตัวกันของแก๊สและฝุ่นในอวกาศ ภายใต้แรงโน้มถ่วงอันมหาศาล แก๊สและฝุ่นเหล่านี้จึงถูกบีบอัดจนกลายเป็นทรงกลม
นอกจากดวงฤกษ์แล้ว ยังมีวัตถุท้องฟ้าอื่นๆ อีกหลายชนิดที่มีรูปร่างเป็นทรงกลม เช่น ดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง เป็นต้น
คำถามคือ ทำไมวัตถุท้องฟ้าเหล่านี้จึงมีรูปร่างเป็นทรงกลม?
คำตอบคือ เพราะแรงโน้มถ่วง
แรงโน้มถ่วงเป็นแรงดึงดูดที่กระทำระหว่างมวลสองมวล วัตถุใดที่มีมวลมากจะมีแรงโน้มถ่วงมาก วัตถุใดที่มีมวลน้อยจะมีแรงโน้มถ่วงน้อย
แก๊สและฝุ่นที่รวมตัวกันกลายเป็นดวงดาวนั้นจะมีมวลมาก ดังนั้น จึงมีแรงโน้มถ่วงมาก แรงโน้มถ่วงนี้จึงดึงดูดแก๊สและฝุ่นให้รวมตัวกันแน่นยิ่งขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นทรงกลม
หากวัตถุท้องฟ้ามีขนาดเล็ก แรงโน้มถ่วงอาจไม่เพียงพอที่จะดึงวัตถุให้กลายเป็นทรงกลมได้ วัตถุเหล่านี้จึงมีรูปร่างไม่แน่นอน เช่น ดาวเคราะห์น้อยที่มีรูปร่างคล้ายหอยโข่ง ดาวหางที่มีรูปร่างคล้ายหางเปีย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้แต่วัตถุท้องฟ้าขนาดเล็กเหล่านี้ก็ยังคงมีแรงโน้มถ่วงอยู่บ้าง แรงโน้มถ่วงนี้จะช่วยยึดเหนี่ยววัตถุไม่ให้แตกกระจายไป
นอกจากแรงโน้มถ่วงแล้ว การหมุนของวัตถุท้องฟ้าก็อาจมีผลต่อรูปร่างของวัตถุได้เช่นกัน วัตถุท้องฟ้าที่หมุนเร็วจะมีแรงเหวี่ยงเกิดขึ้น แรงเหวี่ยงนี้จะทำให้วัตถุถูกเหวี่ยงออกไปจากศูนย์กลางการหมุน แรงเหวี่ยงนี้อาจทำให้วัตถุมีรูปร่างไม่กลมสมมาตรได้
อย่างไรก็ตาม แรงโน้มถ่วงส่วนใหญ่จะยังคงมีอำนาจเหนือแรงเหวี่ยง ทำให้วัตถุท้องฟ้าส่วนใหญ่ยังคงมีรูปร่างเป็นทรงกลมอยู่
รูปร่างของดวงดาว
ดวงดาวมีรูปร่างเป็นทรงกลมเกือบสมบูรณ์ โดยทั่วไปแล้ว ดวงดาวจะมีรัศมีที่ต่างกันไป ดวงดาวที่มีมวลมากจะมีรัศมีใหญ่กว่าดวงดาวที่มีมวลน้อย
ตัวอย่างเช่น ดวงอาทิตย์มีมวลประมาณ 2,000,000 เท่าของมวลโลก และมีรัศมีประมาณ 700,000 กิโลเมตร ดาวฤกษ์ที่มีมวลใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์จะมีรัศมีประมาณ 1 ล้านถึง 2 ล้านกิโลเมตร
ดวงดาวที่มีมวลน้อยกว่าดวงอาทิตย์จะมีรัศมีเล็กกว่า ตัวอย่างเช่น ดาวแคระขาวมีมวลประมาณ 1 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ และมีรัศมีประมาณ 10,000 กิโลเมตร
ผลกระทบของรูปร่างทรงกลมของดวงดาว
รูปร่างทรงกลมของดวงดาวมีผลต่อสิ่งต่างๆ มากมาย เช่น
แรงโน้มถ่วง
แรงโน้มถ่วงของดวงดาวจะกระจายอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งดวงดาว ทำให้วัตถุต่างๆ บนดวงดาวถูกดึงดูดเข้าหาศูนย์กลางของดวงดาวอย่างสม่ำเสมอ
การแผ่รังสีความร้อน
ความร้อนของดวงดาวจะแผ่ออกมาจากทุกทิศทางอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ดวงดาวมีแสงสว่างที่สม่ำเสมอ
การหมุน
การหมุนของดวงดาวจะส่งผลให้ดวงดาวมีรูปร่างไม่กลมสมมาตร โดยบริเวณรอบๆ เส้นศูนย์สูตรของดวงดาวจะมีรัศมีใหญ่กว่าบริเวณขั้วของดวงดาว
การระเบิด
เมื่อดวงดาวสิ้นอายุขัย ดวงดาวอาจเกิดการระเบิดได้ รูปร่างทรงกลมของดวงดาวจะช่วยให้การระเบิดเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งดวงดาว
สรุป
ดวงดาวมีรูปร่างเป็นทรงกลมเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของดวงดาว แรงโน้มถ่วงนี้ดึงดูดวัตถุต่างๆ ให้รวมตัวกันแน่นยิ่งขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นทรงกลม
รูปร่างทรงกลมของดวงดาวมีผลต่อสิ่งต่างๆ มากมาย เช่น แรงโน้มถ่วง การแผ่รังสีความร้อน การหมุน และการระเบิด
อ้างอิง
- https://ngthai.com/science/52613/why-stars-round/