หากเอ่ยถึงเรือไฟ เราคงจะนำภาพของเรือที่อยู่กลางน้ำ พร้อมกับเปล่งประกายแสงเทียนสว่างไสวไปทั่วผืนน้ำ สุดอลังการและความสวยงามแปลกตากับรูปทรงต่าง ๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความอเมซิ่งของ เทศกาลไหลเรือไฟ แม่น้ำโขง จ.นครพนม ซึ่งหนึ่งปีจะมีเพียงครั้งเดียว เป็นการจุดเรือไฟปล่อยลอยไปกับสายน้ำ ตระการตาด้วยแสงไฟที่ลุกโชติช่วงยามราตรี ทั้งโลกหาดูได้ที่นี่ที่เดียว
เรือไฟ หรือ เฮือไฟ เป็นเรือที่ทำด้วยท่อนกล้วย ไม้ไผ่ หรือ วัสดุ ที่ลอยน้ำโดยมีโครงสร้างเป็นรูปต่าง ๆ ตามต้องการ เมื่อจุดไฟใส่โครงสร้าง จะมีเปลวไฟที่ลุกเป็นรูปร่างตามโครงสร้างนั้น ซึ่งประเพณีหรือเทศกาลไหลเรือไฟ เป็นประเพณีของชาวอีสาน จัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที
นอกจากนี้ประเพณีไหลเรือไฟยังจัดขึ้นเพื่อขอขมาลาโทษแม่น้ำที่พวกเราได้ทิ้งสิ่งปฏิกูล และเป็นการเอาไฟเผาความทุกข์ให้ลอยไปกับสายน้ำ เทศกาลไหลเรือไฟ ที่มีการไหลเรือไฟเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ที่พุทธศาสนิกชนอีสาน ยึดถือปฏิบัติ และสืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณ เทศกาลไหลเรือไฟ บางคนเรียก “ล่องเรือไฟ” “ลอยเรือไฟ” หรือ “ปล่อยเรือไฟ” ซึ่งเป็นลักษณะของเรือไฟเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ
การเดินทางไปยังจังหวัดนครพนม
พิกัด บขส. นครพนม : 17.39782,104.77677
1. โดยรถยนต์
ระยะทางเริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังบขส. นครพนม ประมาณ 740 กิโลเมตร เป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกล อย่าลืมเช็ครถเช็คคนก่อนเดินทางให้พร้อมกันด้วยนะครับ
2. โดยรถประจำทาง
มีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-นครพนม ออกจากสถานีขนส่ง สายเหนือ (หมอชิต 2) ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง สอบถาม รายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 www.transport.co.th
ปัจจุบันบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com นอกจากนี้ยังสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ไทยรูท ดอทคอม www.thairoute.com
เดือนที่ควรไปท่องเที่ยว
ในเทศกาลออกพรรษาที่ จ.นครพนม มีเทศกาลไหลเรือไฟ ซึ่งเป็นการทำ “เรือไฟ” ขึ้นมาด้วยการประดับประดาสวยงามตระการตาด้วยสีสันและพลุไฟ ก่อนจะจุดไฟให้โชติช่วงเรืองรองส่องแสงเหนือสายน้ำ และปล่อยไหลล่องเป็นขบวนเรือไฟไกลสุดแรงศรัทธา เพื่อเป็นการสักการะบูชาพระพุทธเจ้า โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการดูเทศกาลไหลเรือไฟคือช่วงหัวค่ำของ คืนวันออกพรรษาหรือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ซึ่งจุดชมวิวที่ดีที่สุดคือ ริมแม่น้ำโขง หน้าเมืองนครพนม
กิจกรรมแนะนำเมื่อมาท่องเที่ยว
1. ช่วยกันทำเรือไฟ
เทศกาลไหลเรือไฟ หรือ ประเพณีการไหลเรือไฟ เป็นประเพณีที่คาบเกี่ยว ระหว่างเดือน สิบเอ็ด และเดือนสิบสอง นิยมทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำ หรือวันแรม 1 คำ เดือนสิบเอ็ด พอถึงวันงานจะมีชาวบ้าน พระภิกษุสงฆ์และสามเณร ช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อไปลอยที่แม่น้ำก่อนงานเทศกาลไหลเรือไฟ ชาวบ้านจะเตรียมจัดเรือไฟ ด้วยการนำเอาต้นกล้วยมาเสียบไม้ต่อกันให้ยาว วางสองแถว แล้วนำไม้ไผ่มาผูกไขว้เป็นตารางสี่เหสี่ยมและมัดด้วยลวดให้แน่น ผู้ออกแบบภาพบนแผงจะสร้างสรรค์งานให้เป็นรูปโครงร่าง
จากนั้นนำจีวรเก่าของพระมาฉีกแล้วชโลม ด้วยน้ำมันให้ชุ่มพอประมาณ นำไปผึ่งแดดประมาณ 6-7 วัน จนมีสีน้ำตาลเข้ม นำไปมัดและผูกด้วยลวด ซึ่งภายในเรือจะนำกล้วย อ้อย เผือก มัน ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ใส่ไว้เพื่อเป็นทานให้แก่ผู้สัญจรไปมา ช่วงเย็นชาวบ้านต่างพากันลงเรือและร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ตำค่ำก็จุดไฟในเรือ แล้วลากไปกลางน้ำเพื่อปล่อยให้เรือลอยไปเรื่อย ๆ โดยยังมีการควบคุมเรืออยู่แต่พอพ้นเขตหมู่บ้าน ก็จะมีคนมาเอาสิ่งของในเรือไปจนหมด
2. ชมการละเล่นต่าง ๆ และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ
เทศกาลไหลเรือไฟ นอกจากจะมีการถวายภัตตาหารเพลแล้ว ก็จะมีการเลี้ยงญาติโยมที่มาในช่วงบ่าย ชมการละเล่นต่าง ๆ เพื่อความสนุกสนาน รวมทั้งมีการรำวงเป็นการฉลองเรือไฟ ช่วงพอประมาณ 6 โมงเย็น หรือพลบค่ำ มีการสวดมนต์รับศีลและฟังเทศน์ ถึงเวลาประมาณทุ่มกว่า ๆ เกือบสองทุ่ม ชาวบ้านจะนำของกิน ผ้า เครื่องใช้ กล้วย อ้อย ขนม ข้าวต้มมัด หมากพลู บุหรี่ ฯลฯ ใส่ลงในกระจาดบรรจุไว้ในเรือไฟ เมื่อถึงเวลาจะจุดไฟให้เรือสว่าง แล้วปล่อยเรือให้ลอยไปตามแม่น้ำ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับเทศกาลไหลเรือไฟ
1. ขั้นตอนการทำเรือไฟ
ก่อนถึง เทศกาลไหลเรือไฟ ชาวคุ้มวัดจะช่วยกันประดิษฐ์ตกแต่งเรือไฟด้วยต้นกล้วย ไม้ไผ่หรือวัสดุอื่น ๆ ที่สามารถลอยน้ำได้ ให้มีรูปร่างลักษณะเหมือนเรือมีความยาวไม่น้อยกว่า 6 เมตร ส่วนใหญ่จะประดิษฐ์เป็นรูปเจดีย์ วิหาร หงส์ นาค หรือครุฑ และ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ฯลฯ หรือรูปอย่างใดก็ได้ที่คิดว่าสวยงาม มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อความสวยงามและเพื่อให้การจุดประทีปโคมไฟอยู่ได้ทนทาน
วันงานจะมีการแสดงพื้นบ้านประกอบขบวนอย่างสนุกสนานสวยงาม และจะมีคณะ กรรมการตัดสินให้คะแนนผู้ที่จัดส่งเรือไฟเข้าประกวด ขบวนแห่เรือไฟในภาคกลางคืนจะมีการทำพิธีกรรมทางศาสนาก่อนจากนั้นจึงนำเรือไฟไปลงน้ำ และเริ่มจุดประทีปโคมไฟแล้วปล่อยให้ล่องไปตามแม่น้ำโขงลงไปทางทิศใต้
2. ประวัติของประเพณี-เทศกาลไหลเรือไฟ
งานประเพณีเทศกาลไหลเรือไฟ นิยมปฏิบัติกันในเทศกาลออกพรรษา ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เทศกาลไหลเรือไฟ มีความเชื่อหลายประการ อันสืบเนื่องมาจากการบูชารอยพระพุทธบาท การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี การสักการะพกาพรหม การระลึกถึงพระคุณ ของพระแม่คงคา ฯลฯ โดยเรือไฟประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นทุ่นสำหรับลอยน้ำ โดยจะใช้ไม้ที่ลอยน้ำ มาผูกติดกันเป็นแพ และส่วนที่เป็นรูปร่างสำหรับจุดไฟ เป็นส่วนที่อยู่บนทุ่น และใช้ไม้ไผ่ที่มีลำยาวแข็งแรงทำการตั้งปลายขึ้นทั้ง 3 ลำ เพื่อเป็นเสารับน้ำหนักของแผง และแผงนี้ ก็ทำด้วยไม้ไผ่ขนาดเล็กเพื่อนำมาผูกยึดไขว้กัน เป็นตารางสี่เหลี่ยมแล้วมัดด้วยลวดให้แน่ วางราบบนพื้น เมื่อวางแผนงานแล้วจะทำการออกแบบบนแผงว่า ควรเป็นภาพอะไร
3. รูปลักษณะของเรือไฟ
เมื่อวางแผนงานแล้วจะทำการออกแบบ ซึ่งการออกแบบสมัยก่อนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ศาสนาพุทธ อย่างพุทธประวัติ รูปโบสถ์ เจดีย์ วัด ซึ่งรูปทรงเรือไฟ รูปเรือไฟจะมีการทำที่แตกต่างกันออกไปตามความคิด และความเชื่อ ความรู้ ความสามารถของช่างในแต่ละกลุ่ม อีกทั้งยังมีรูปเรือสุพรรณหงส์, รูปสิงห์, รูปพญานาค, รูปมังกร, รูปพญาครุฑ, รูปม้าเทียมราชรถ, รูปแม่ย่านาง, รูปช้าง ฯลฯ ส่วนการประดับตกแต่งเรือไฟภายในเรือไฟจะประดับด้วยดอกไม้ ธูป เทียน ตะเกียง และขี้ไต้ สำหรับจุดให้สว่างไสว ก่อนจะปล่อย เรือไฟลงกลางลำน้ำโขง
แต่ปัจจุบันได้จัดทำเรือไฟรูปแบบต่าง ๆ และมีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการจัดทำ มีการประดับตกแต่งให้วิจิตรตระการตามากยิ่งขึ้น เมื่อปล่อยเรือไฟในช่วงเทศกาลไหลเรือไฟกลางลำน้ำโขงภายหลังการจุดไฟให้ลุกโชติช่วงแล้ว จะทำให้เห็นเป็นภาพที่งดงามและติดตาตรึงใจตลอดไป
ข้อมูลจำเพาะการท่องเที่ยว
- ททท.สำนักงานนครพนม โทรศัพท์ : 042-513490-1
- สำนักงานจังหวัดนครพนม โทรศัพท์ : 042-511-574
- เทศบาลเมืองนครพนม โทรศัพท์ : 042-516-159
- สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครพนม โทรศัพท์ : 042-516-337