บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีกระจายอำนาจที่บันทึกข้อมูลลงในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดเก็บในรูปแบบของบล็อกที่เชื่อมโยงกันด้วยอัลกอริทึม ส่งผลให้ข้อมูลในบล็อกเชนมีความโปร่งใส ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้
บล็อกเชนมีศักยภาพที่จะปฏิวัติภาคการเกษตรในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้
- การติดตามย้อนกลับสินค้าเกษตร: บล็อกเชนสามารถใช้ในการติดตามย้อนกลับสินค้าเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้าเกษตรนั้นมาจากแหล่งใด ผ่านกระบวนการผลิตอย่างไร และมีคุณภาพมาตรฐานหรือไม่
- การกระจายอำนาจ: บล็อกเชนช่วยให้เกษตรกรสามารถลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง สามารถทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าเกษตรโดยตรงกับผู้บริโภคหรือผู้ค้ารายอื่น ๆ ได้
- ความโปร่งใส: บล็อกเชนช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำการเกษตรมีความโปร่งใส ช่วยให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบข้อมูลการผลิตและการตลาดได้
- ความปลอดภัย: บล็อกเชนมีความปลอดภัยสูง ข้อมูลในบล็อกเชนไม่สามารถถูกแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้
ตัวอย่างการนำบล็อกเชนมาใช้กับการเกษตร เช่น
- Tracify: แพลตฟอร์มที่ใช้บล็อกเชนในการติดตามย้อนกลับสินค้าเกษตร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้าเกษตรนั้นมาจากแหล่งใด ผ่านกระบวนการผลิตอย่างไร และมีคุณภาพมาตรฐานหรือไม่
- FarmChain: แพลตฟอร์มที่ใช้บล็อกเชนในการกระจายอำนาจการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตร ช่วยให้เกษตรกรสามารถลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง และสามารถทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าเกษตรโดยตรงกับผู้บริโภคหรือผู้ค้ารายอื่น ๆ ได้
- CropIn: แพลตฟอร์มที่ใช้บล็อกเชนในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำการเกษตร เช่น ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลการใช้ปุ๋ย ข้อมูลผลผลิต เป็นต้น ช่วยให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบข้อมูลการผลิตและการตลาดได้
การนำบล็อกเชนมาใช้กับการเกษตรสามารถก่อให้เกิดประโยชน์มากมายต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และภาคอุตสาหกรรมเกษตร ดังนี้
- ประโยชน์ต่อเกษตรกร: เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ และยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร
- ประโยชน์ต่อผู้บริโภค: ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าเกษตรที่บริโภคมีคุณภาพมาตรฐานและปลอดภัย
- ประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมเกษตร: ภาคอุตสาหกรรมเกษตรสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
อย่างไรก็ตาม การนำบล็อกเชนมาใช้กับการเกษตรยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น
- ต้นทุน: การนำบล็อกเชนมาใช้กับการเกษตรมีต้นทุนสูง เกษตรกรขนาดเล็กอาจไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้
- ความซับซ้อน: บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อน เกษตรกรอาจต้องได้รับการฝึกอบรมก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยรวมแล้ว บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพที่จะปฏิวัติภาคการเกษตรในหลาย ๆ ด้าน อย่างไรก็ตาม การนำบล็อกเชนมาใช้กับการเกษตรอย่างแพร่หลายยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้สามารถลดต้นทุนและลดความซับซ้อนของเทคโนโลยีได้