ซึ่งเป้าหมายหลักของการออกเที่ยวยลเสน่ห์ เมืองมะละกา ที่โดดเด่นไปด้วยประวัติศาสตร์และงานสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์จนมะละกา ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก ในปี พ.ศ. 2551
ผมเริ่มต้นด้วยการไปเที่ยวชมความงามของเมืองมะละกาที่ “หอคอยมะละกา”ซึ่งมีความสูง 110 เมตร ซึ่งภายในหอคอยมีที่นั่งสามารถบรรจุคนได้ราว 60 คน ซึ่งการขึ้นหอคอยนี้จะใช้เวลาประมาณ 15 นาที และเมื่อทุกคนนั่งประจำที่กันครบแล้ว หอคอยจะค่อยๆ หมุนขึ้นด้านบนโดยจะหมุนวนทางขวาแบบรอบ 360 องศาไปเรื่อยๆ ไปถึงด้านบนสุดทำให้สามารถมองลงมาเห็นเมืองมะละกาได้รอบทิศทาง ทั้งท้องทะเล ช่องแคบมะละกา หลังคาบ้านเรือนที่ดูมีสีสันสวยงาม และเมื่อหอคอยไต่ระดับขึ้นไปสูงอีก ก็จะทำให้เห็นในมุมที่กว้างมากขึ้นจนสุดความสูงของหอคอย แล้วหอคอยจะค่อยๆ หมุนลงมาด้านล่างจนถึงพื้นราบเป็นซึ่งถือเป็นการจบการชมวิวเมืองมะละกาแบบ 360 องศา
หากใครมาเที่ยวที่มะละกา อีกจุดหนึ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ “A’Famosa” ป้อมแห่งนี้ตั้งที่อยู่เชิงเขา เซนต์ปอล ฮิลล์ เป็น ป้อมปืนที่โปรตุเกสสร้างขึ้น ปัจจุบันคงเหลืออยู่เพียงป้อมเดียว จากนั้นก็เดินขึ้นเขากันต่อ มาที่ โบสถ์เซนต์ปอล ภายในเป็นสุสานของนักบุญฟรานซิส ซึ่งด้านหน้าโบสถ์มีรูปปั้นของนักบุญ ฟราน ซิส ที่ข้อมือขวาขาด ตั้งโดดเด่นอยู่ ซึ่งทัศนียภาพด้านบน สามารถมองมาเห็นทะเลและทิวทัศน์ด้านล่างได้ เมื่อชมกันเสร็จแล้ว จึงเดินลงเขาจะได้พบกับต้นมะละกา ต้นไม้ประจำเมืองมะละกาอีกด้วย
ในละแวกนี้ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์มะละกา ภายในจัดเก็บเรื่องราวของเรือสำเภาในอดีต , ตึกอนุสรณ์ประกาศอิสรภาพ ภายในจัดเก็บข้อมูลเหตุการณ์การประกาศอิสรภาพของชาวมาเลเซีย ,พระราชวังวังสุลต่านแห่งมะละกา (แบบจำลอง) ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรม ส่วนบริเวณริมแม่น้ำสายเล็ก ๆ ของมะละกา นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นชมวิว และข้างสองฟากฝั่งเต็มไปด้วยร้านค้าที่เรียงรายกันเป็นระเบียบเรียบร้อย จุดสำคัญของเมืองมะละกาก็คือ เรด สแควร์ หรือจัตุรัสแดง หรือที่ จัตุรัสดัตช์ ใจกลางจตุรัสเป็นลานน้ำพุแบบอังกฤษที่ ส่วนรอบๆ ลานน้ำพุคือหอนาฬิกา ด้านหน้าจัตุรัสแดงถือเป็นศูนย์รวมสิ่งของมากมาย ทั้งของฝากที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองมะละกา ก็สามารถหาซื้อกันได้จากบริเวณนี้
และสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองมะละกาก็คือ “รถสามล้อถีบ” ที่มีการตกแต่งประดับด้วยดอกไม้สีสันสดใสทั่วทั้งคัน มีให้เลือกนั่งกันจนลายตา ซึ่งทุกอย่างถือว่าสร้างความประทับใจให้ผมอย่างมาก