Passive income คือ รายได้ที่เราได้รับโดยไม่ต้องทำงานเพื่อแลกเงิน แต่สามารถได้รับผลตอบแทนจากการเป็นเจ้าของทรัพย์สินใดสิ่งหนึ่ง เช่น การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า การลงทุนในทรัพย์สินทางการเงิน เช่น หุ้น กองทุน พันธบัตร ฯลฯ
ในไทยมีตัวอย่างของ passive income อยู่มากมาย ตัวอย่างที่พบได้บ่อย ได้แก่
1. รายได้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์
การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าเป็นตัวอย่างของ passive income ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไทย เจ้าของอสังหาริมทรัพย์สามารถปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ของตนให้กับผู้อื่นเพื่อแลกกับค่าเช่า โดยค่าเช่าจะเป็นรายได้แบบ passive ที่ได้รับเป็นประจำทุกเดือน
2. รายได้จากเงินปันผลจากการลงทุนในหุ้น
การลงทุนในหุ้นเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้าง passive income โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินปันผลจากการถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียน เงินปันผลเป็นรายได้ที่บริษัทจดทะเบียนจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นเพื่อเป็นตอบแทนการลงทุน
3. รายได้จากดอกเบี้ยเงินฝาก
การฝากเงินในธนาคารเป็นช่องทางการลงทุนที่ได้รับความนิยมอีกช่องทางหนึ่ง โดยผู้ฝากเงินจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารเป็นรายได้แบบ passive ดอกเบี้ยเงินฝากเป็นรายได้ที่ธนาคารจ่ายให้กับผู้ฝากเงินเพื่อเป็นตอบแทนในการฝากเงิน
4. รายได้จากค่าลิขสิทธิ์
ผู้สร้างสรรค์ผลงาน เช่น หนังสือ ดนตรี ซอฟต์แวร์ เป็นต้น สามารถได้รับรายได้จากค่าลิขสิทธิ์จากการอนุญาตให้ผู้อื่นใช้ผลงานของตน ค่าลิขสิทธิ์เป็นรายได้แบบ passive ที่ได้รับเป็นประจำทุกเดือน
5. รายได้จากธุรกิจขายสินค้าออนไลน์
การสร้างธุรกิจขายสินค้าออนไลน์เป็นช่องทางในการสร้าง passive income ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เจ้าของธุรกิจสามารถขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Shopee, Lazada เป็นต้น โดยรายได้จากธุรกิจขายสินค้าออนไลน์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากการขายสินค้าและรายได้จากค่าโฆษณา
6. รายได้จากธุรกิจขายลิขสิทธิ์
ผู้สร้างสรรค์ผลงาน เช่น หนังสือ ดนตรี ซอฟต์แวร์ เป็นต้น สามารถสร้างธุรกิจขายลิขสิทธิ์เพื่อจำหน่ายผลงานของตนเองให้กับผู้อื่น รายได้จากธุรกิจขายลิขสิทธิ์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากการขายลิขสิทธิ์และรายได้จากค่าบำรุงรักษา
7. รายได้จากธุรกิจแฟรนไชส์
การซื้อแฟรนไชส์เป็นช่องทางในการสร้างธุรกิจที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะได้รับสิทธิ์ในการใช้แบรนด์ ผลิตภัณฑ์ และบริการของเจ้าของแฟรนไชส์ โดยรายได้จากธุรกิจแฟรนไชส์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการและรายได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ
ตัวอย่าง passive income เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น ยังมีตัวอย่าง passive income อีกมากมายที่สามารถสร้างขึ้นได้ การเลือกประเภทของ passive income ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความรู้ความสามารถ เงินทุน และความเสี่ยงที่ยอมรับได้