ชมพูภูคา หนึ่งในดอกไม้ที่หายากที่สุดในโลก เคยค้นพบที่ทางตอนใต้ของประเทศจีน และในปัจจุบันอยู่ที่ประเทศไทยของเรา โดยอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน เหมาะอย่างยิ่งที่คนที่ชื่นชอบในการชมความงามของดอกไม้เมืองหนาว จะต้องมาเยือนและเห็นด้วยตนเองสักครั้ง
เดือนที่ควรไปรับชมดอกไม้ชมพูภูคา
ดอกไม้จะเริ่มบานในเดือน กุมภาพันธ์ ยาวตลอดไปจนกระทั่งเดือนมีนาคม โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศหนาวเย็นมากเป็นพิเศษ ดอกไม้ชมพูภูคา จะบานสะพรั่งสวยงามมาก ๆ
กิจกรรมแนะนำเมื่อมาท่องเที่ยว
1. เยี่ยมชมความสวยงามของดอกชมพูภูคา
เมื่อฤดูหนาวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ยาวตลอดไปจนกระทั่งเดือนมีนาคมมาถึงการมาเยี่ยมชม ดอกชมพูภูคา ที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา คือหนึ่งในคำตอบที่ลงตัวที่สุด เตรียมกล้อง เต้นท์ของคุณให้พร้อม และออกมาชมความสวยงามของดอกไม้ที่คุณสัมผัสได้
2. กางเต๊นท์สัมผัสความหนาวที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
นอกเหนือจากการมาเที่ยวชมดอกไม้ ชมพูภูคา ที่มีแห่งเดียวในโลกแล้ว ควรแวะพักที่อุทยานเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติในยามค่ำคืนด้วย อากาศที่นี่ทั้งสดชื่น และเหมาะสมอย่างยิ่งในการใช้เป็นสถานที่พักผ่อนจากการทำงานที่เหนื่อยล้าของคุณได้อีกด้วย
3. แวะซื้อของที่ระลึกก่อนกลับ
มาเที่ยวชม ดอกไม้ชมพูภูคา ทั้งที อย่าลืมแวะซื้อของที่ระลึกที่อุทยานแห่งชาตินะคะ โดยเฉพาะ ดอกไม้ชมพูภูคา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางมาเที่ยวในครั้งนี้ของคุณ
4. เก็บดอกไม้ชมพูภูคามาเป็นที่ระลึก 1 ดอก
ถ้ามี ดอกไม้ชมพูภูคา ร่วงหล่นอยู่ที่พื้น คุณสามารถเก็บมาเป็นที่ระลึกได้ครับ ด้วยการนำมาทับไว้ในสมุดบันทึกการเดินทางของคุณ แต่โปรดอย่าไปเด็ดบนต้นไม้มาเด็ดขาดนะครับ นอกจากจะทำให้ต้นไม้ได้รับความเสียหายแล้ว ยังทำให้ภาพลักษณ์ของคุณดูไม่ดีในสายตาของคนอื่น ๆ อีกด้วย
5. นอนชมดาวตลอดคืน
คุณสามารถทำกิจกรรมอีกหนึ่งกิจกรรมได้ นั่นคือ หากคุณได้กางเต้นท์นอนในพื้นที่แห่งนี้ ลองหาโอกาสนอนชมดาวบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนดูครับ หรือถ้ามีกล้องส่องดูดาวด้วยก็เอามาใช้ ดาวที่อยู่ท่ามกลางขุนเขานั้นจะมีความชัดเจนกว่าดาวที่ปรากฎตามเมืองที่เราอาศัยอยู่มาก ๆ ครับ ถ้าโชคดีฟ้าใสมาก ๆ ก็อาจเห็นทางช้างเผือกเป็นรางวัลอีกด้วย
6. ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก
ลองตื่นนอนตอนเช้า หรือในยามเย็น ชมพระอาทิตย์ลูกโต ๆ สีส้มขึ้นทางทิศตะวันออก ท่ามกลางก้อนเมฆที่ลอยล่องเสมือนเป็นทะเลหมอกให้คุณได้ดื่มด่ำกับความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย ภาพพระอาทิตย์ขึ้นและตก ถือเป็นภาพที่สวยงามมากสำหรับที่นี่ครับ ดังนั้นหากคุณอยู่ค้างคืน อย่าพลาดเด็ดขาดกับกิจกรรมที่กล่าวมานี้
7. ลองถ่ายภาพวีดิโอด้วยโดรนสิ
คุณมีโดรนไหม ถ้าคุณชอบท่องเที่ยว ผมคิดว่าหาโดรนเล็ก ๆ สักตัวหนึ่งเอามาเป็นที่ระลึก เพื่อเอาไว้ถ่ายภาพวีดิโอมุมสูง ๆ เดี๋ยวนี้การถ่ายภาพแบบนี้กำลังได้รับความนิยมมาก และทำให้เรามองเห็นภาพของสิ่งรอบ ๆ ตัวที่สวยงามมากยิ่งขึ้นด้วย อีกทั้งราคาของโดรนในปัจจุบันก็มีราคาถูกลงไปกว่าเดิมมากแล้ว
ข้อควรรู้
1. ศึกษาเส้นทางการเดินทางให้ดีก่อนเดินทาง
เพื่อให้การเดินทางของคุณปลอดภัย อย่าลืมศึกษาเส้นทางในการเดินทางจาก Google Map ก่อนเดินทางมายังพื้นที่ เพื่อที่ว่าคุณจะได้มาถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับตนเองและคนที่คุณรัก
2. อย่าเด็ดดอกไม้กลับมาเป็นของที่ระลึก
เนื่องจาก ดอกไม้ชมพูภูคา ถือเป็นดอกไม้ที่สวยงาม และเป็นดอกไม้ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก บางทีเราอาจเกิดความรู้สึกว่าอยากเก็บมาไว้เชยชมเป็นของตนเอง ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก ดังนั้นโปรดเก็บความงามของดอกไม้นี้ไว้ให้ธรรมชาติได้รักษา และเพื่อให้คนที่มาที่หลังได้เชยชมกับความงามที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้นี้ต่อไป
3. สอบถามอันตราย หรือข้อควรระวังเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่
เนื่องจากเป็นพื้นที่ในอุทยาน ดังนั้นโปรดโทรสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ก่อนเสมอ ถึงสิ่งที่อาจจะต้องเตรียมไปเป็นกรณีพิเศษ สำหรับทริปการเดินทางของเรา และเป็นการสร้างความมั่นใจในการเที่ยวครั้งนี้ว่าจะสามารถชม ดอกชมพูภูคา โดยที่ไม่มีอุปสรรคใด ๆ อย่างแน่นอน
4. ระวังการอยู่ใกล้กับหน้าผา หรือโขดหิน
การปีนโขดหินเพื่อถ่ายภาพ หรือชมพระอาทิตย์ ขอให้กระทำด้วยความระมัดระวัง อันเนื่องมาจากมีพื้นที่ลาดชันเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เรานั้นได้รับอันตรายได้ ส่งผลให้การเที่ยวของเราครั้งนี้หมดสนุกไปเลย
5. ระวังสัตว์มีพิษต่อยในยามค่ำคืน
หากคุณค้างคืน โปรดเตรียมผ้าอุดหู เตรียมยาบรรเทาอาการแมลงสัตว์กัดต่อยไว้บ้างนะครับ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะหากเราเดินทางมาชม ดอกไม้ชมพูภูคา ในช่วงของฤดูฝน ซึ่งมักจะมีสัตว์มีพิษขึ้นมาบนดินเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลจำเพาะการท่องเที่ยว
- โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โทร 054 701 000 หรือ 054731 362
การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จังหวัดน่าน
จากตัวเมืองจังหวัดน่านนั้นใช้เวลาเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคาใช้เวลาไม่นานนัก ประมาณ 2 ชั่วโมงกับระยะทางทั้งสิ้นรวม ๆ เกือบ 100 กิโลเมตร เส้นทางไม่ยากลำบาก