คาร์บอนฟุตปริ๊นต์ (Carbon Footprint) คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การขนส่ง การใช้งาน และการจัดการของเสียหลังหมดอายุการใช้งาน คาร์บอนฟุตปริ๊นต์มักวัดเป็นหน่วยคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e)
คาร์บอนฟุตปริ๊นต์เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญของภาวะโลกร้อน เนื่องจากก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้จะดูดซับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น คาร์บอนฟุตปริ๊นต์ของมนุษย์จึงมีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น
การวัดคาร์บอนฟุตปริ๊นต์สามารถทำได้หลายวิธี โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- คาร์บอนฟุตปริ๊นต์ส่วนบุคคล (Personal Carbon Footprint) คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ของบุคคลหนึ่งตลอดอายุขัย
- คาร์บอนฟุตปริ๊นต์ขององค์กร (Corporate Carbon Footprint) คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรหนึ่งตลอดระยะเวลาหนึ่ง
- คาร์บอนฟุตปริ๊นต์ของผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Product or Service Carbon Footprint) คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการหนึ่งตลอดอายุการใช้งาน
การลดคาร์บอนฟุตปริ๊นต์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดผลกระทบของภาวะโลกร้อน สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
- ลดการใช้พลังงาน เช่น ปิดไฟเมื่อไม่ใช้ ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน เลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน
- ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น เลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า เลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เดินหรือปั่นจักรยาน
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เช่น เลือกซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รับประทานอาหารที่ผลิตจากแหล่งที่ยั่งยืน
การลดคาร์บอนฟุตปริ๊นต์เป็นหน้าที่ของทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ร่วมกันลดการใช้พลังงานและเชื้อเพลิงฟอสซิล ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค และหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบของภาวะโลกร้อน