ขึ้นยอดดอยตามรอยพระบาทที่อ่างขาง

อ่างขาง ดอยที่พูดชื่อขึ้นมาแล้วใครๆต่างต้องรู้จัก ทุกปีจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่น้อยที่ขึ้นมาสัมผัสถึงธรรมชาติและบรรยากาศที่สวยงาม  จนได้รับคำขนานนามว่า อ่างขาง ดินแดนมหัศจรรย์ อากาศของดอยอ่างขางจะเย็นสบายตลอดทั้งปี เป็นบรรยากาศที่เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง

เช้าวันนี้ก็เหมือนเช่นเคยเรากำลังมุ่งหน้าไปยอด ดอยอ่างขาง ระหว่างทางจะพบกับต้นไม้น้อยใหญ่พร้อมใจกันอวดความอุดมสมบูรณ์และเขียวขจี ทำให้จุดเริ่มต้นของการเดินทางเต็มไปด้วยความสดชื่น เมื่อถึงสามแยกอ่างขาง เราได้หยุดรถชมทิวทัศน์ที่ผาเหยียบเมฆ จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นถนนสายอ่างขาง-เชียงดาว ที่มีลักษณะคดเคี้ยวไปตามแนวสันเขา และยังมีโค้งสวยๆให้ได้แวะถ่ายรูปกับต้นนางพญาเสือโคร่งซึ่งได้รับการขนานนามว่า “ซากุระเมืองไทย”

เดินทางต่อไม่เท่าไหร่ก็เข้าสู่บริเวณโครงการหลวงอ่างขาง โดยพื้นที่ทั้งหมดเป็นหุบเขาที่ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาสูงใหญ่ ก่อนที่จะเข้าไปชมภายในสถานี เราได้พบกับร้านค้ามากมาย เต็มไปด้วยบรรยากาศที่คึกคัก โดยเฉพาะใครที่รักต้นไม้และดอกไม้ๆ สวยๆ ล่ะก็ เราขอแนะนำเลยว่าที่นี่เป็นสวรรค์ของคนที่รักต้นไม้และดอกไม้เลยทีเดียว

จุดเริ่มต้นแรกของเรา…หมู่บ้านขอบด้ง หมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอ ที่มองจากภายในหมู่บ้านสามารถเห็นบริเวณที่เป็นภูเขาในเขตของพม่า เราสามารถสัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของชนเผ่าก่อนที่พวกเขาจะข้ามฝั่งมาอยู่ที่หมู่บ้านนอแล หมู่บ้านนอแลมีผลิตภัณฑ์ชุมชนต่างๆ แปลงเกษตรสาธิต รวมทั้งจุดชมวิวของฐานปฏิบัติการกองกำลังทหารม้าที่ 5 จากการที่เราได้มาชมวิวก็ทำให้สัมผัสถึงความงามของธรรมชาติไม่เคยมีพรมแดนมาขวางกั้น

จุดที่ไม่ควรพลาดอีกหนึ่งที่ก็คือ จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก บริเวณนี้อยู่ด้านหลังถนนของโครงการหลวง เพราะเป็นสันเขาที่สูงที่สุดภายในสถานีอ่างขาง หลังจากที่ตะวันลับขอบฟ้าแล้วทางสโมสรจะจัดเตรียมอาหารค่ำแสนอร่อยเสริ์ฟในบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติก ส่วนใครที่มีดนตรีในหัวใจก็สามรถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมการร้องคาราโอเกะได้

รุ่งเช้าเราตื่นมาพร้อมอากาศยามเช้าตรู่ที่ทำให้รู้สึกสบายสุดๆ ระหว่างทางที่เราไปหมู่บ้านนอแล เรามุ่งหน้าเข้าไปที่ฐานทหารแกองกำลังผาเมือง เราไม่ผิดหวังเลยเมื่อเจอแสงแดดอุ่นๆ ในยามเช้าทำให้เกิดทะเลหมอกที่ปุยสวยงาม เหมาะแก่การที่จะหยิบกล้องที่พกติดตัวมา ขึ้นมาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นเราก็ได้ไปชมสวนไผ่โรงอาหารของเจ้าแพนด้าหลินปิง โรงงานแปรรูปไม้ ไร่กาแฟ เมื่อเราเดินเลาะลงมาตรงข้างโรงงาน ผ่านสวนกาแฟต้นเตี้ยๆ ไม่นานนักเราก็จะพบสวนสน และแปลงปลูกพลับสีสวยรสชาติอร่อยหวานหอม อาหารที่พวกเรารอคอยเป็นอาหารพื้นเมืองเช่น น้ำพริกปลาร้าฉ่อง ไก่อุ๊ป ผัดผักกาดดองยูนาน เต้าหู้เหลืองยูนาน ยังมีเมนูต่างๆที่ทำขึ้นจากวัตถุดิบจากโครงการหลวงเช่น ซุปเห็ดพอร์โทเบลโล่ เลมอนครีมนมแพะ การันตีความอร่อยพลาดไม่ได้สักเมนู

นอกจากจะได้ชมธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ และรับประทานอาหารที่อร่อยแล้ว เรายังได้เก็บความทรงจำดีๆ ผ่านภาพถ่ายสวยๆ เป็นของที่ระลึกกลับมาอวดคนที่กรุงเทพอีกด้วย แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเดินทางครั้งนี้คือหนังสือคู่มือท่องเที่ยวและเรียนรู้โครงการหลวงฉบับสมบูรณ์ “38 เส้นทางความสุข 38 โครงการหลวง” ที่จัดทำขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ไกด์ส่วนตัวที่รวบรวมข้อมูลสุดละเอียด เน้นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของศูนย์พัฒนาโครงการหลวง สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียง ผลิตผลของโครงการหลวง และการเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการเปิดเส้นทางให้กลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่และเป็นการกระจายรายได้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ราคาเพียง 384 บาท เหมาะแก่การพกพาไปไหนไปกันได้ดีเลยทีเดียว

พิกัดสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง : 19.9018651,99.0377464

การได้มาเที่ยวที่ สถานีเกษตรหลวง อ่างขาง ในครั้งนี้ทำให้เราได้เปิดโลกทัศน์ของรูปการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆเป็นการพักผ่อนที่คุ้มค่า และจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป

ต้นฉบับจากเว็บ “โครงการหลวง”